Flamingo flower




หน้าวัว

ชื่อวิทยาศาสตร์: Anthurium
อาณาจักร: Plantae
วงศ์: Araceae
สายพันธุ์ที่เหนือกว่า: วงศ์บอน
หมวด: Angiosperms

ชั้น: สกุล 
หน้าวัว (อังกฤษ: Flamingo Flower หรือ Boy Flower) เป็นสกุลของพืชในวงศ์หน้าวัว (ARACEAE) มีถิ่นกำเนิดในฮาวาย ปัจจุบันกระจายพันธุ์ได้เกือบทุกทวีป แต่จะเจริญดีในภูมิอากาศแบบร้อนหรือร้อนชื้น (15 - 30 องศาเซลเซียส) จากฐานข้อมูลพืช ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันท์ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2557) ได้รายงานไว้ว่าเกี่ยวกับ "ชื่อค้นหา" ของคำว่า "หน้าวัว" ในประเทศไทยทั้งหมด 4 ชื่อ คือ
1. หน้าวัวดอก (Flamingo flower หรือ Tail flower) Anthurium × ferrierense Mast. & T. Moore
2. หน้าวัวดอกแดง (Flamingo flower, Pigtail Anthurium หรือ Pigtail flamingo flower) Anthurium scherzerianum Schott
3. หน้าวัวไทย (เจ็ดทิวา, เดหลีใบกล้วย, Madonna lily, Peace lily หรือ Spathe flower) จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับหน้าวัว แต่อยู่คนละสกุลกัน โดยหน้าวัวไทยจัดอยู่ในสกุล Spathiphyllum มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Spathiphyllum cannifolium (Dryand. ex Sims) Schott
4. หน้าวัวใบ (Crystal Anthurium) Anthurium crystallinum Linden ex Andr
ความหมายของดอกหน้าวัว
 คนไทยถือว่าดอกหน้าวัวเป็นดอกไม้อัปมงคล  ใช้ในงานศพ  ไม่เหมาะที่จะมอบให้ในงานวันเกิด
         แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป ดอกหน้าวัวกลายเป็นพืชเศรษฐกิจ  แต่ก็ควรจะหลีกเลี่ยงในการให้ในงานมงคล
ดอกหน้าวัว แทนความหมายของการต้อนรับขับสู้ด้วยความยินดี ในโอกาสที่ถูกเชิญไปเป็นแขก ผู้คนก็มักนิยมนำดอกไม้ชนิดนี้ติดไม้ติดมือไปฝากเจ้าของบ้านด้วยนั่นเอง ถ้าจะให้เป็นดอกไม้แทนใจแล้วละก็ความหมายของดอกหน้าวัวนั้นก็อาจจะฟังดูเศร้าไปหน่อย และความหมายแทนใจก็คือ “หญิงสาวผู้เหงาเศร้า แต่หยิ่งและทรนงค์ในศักดิ์ศรีของตัวเอง” แต่ถ้าจะให้เป็นดอกไม้แทนความรักแล้วละก็มีความหมายที่ดีไม่แพ้ใครเลยซึ่งความหมายนั่นก็คือ “ความรักที่มั่นคงและอดทน”
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น
หน้าวัวเป็นไม้อายุหลายปี อวบน้ำลำต้นตรง โดยจะมีการแตกหน่อเลื้อยมีการเจริญยอดเดียว เมื่อยอดเจริญสูงขึ้นอาจพบรากบริเวณลำต้น โดยจะแตกเมือมีความชื้นเพียงพอ เนื่องจากเป็นพืชระบบรากอากาศสามารถดูดน้ำและความชื้นจากอากาศได้ดี

ช่อดอก
ส่วนช่อดอกของหน้าวัวหรือที่เรียกว่า ปลี คือ ส่วนที่เป็นดอกจริง ซึ่งประกอบด้วย ก้านช่อ ซึ่งมีดอกย่อยเล็กเรียงอัดแน่นอยู่บนปลี ดอกย่อยนี้เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ที่มีทั้งเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย อยู่ในดอกเดียวกัน ดอกที่อยู่บนก้านดอกนี้จะมีสีต่างๆหลายสี

เมื่อจานรองดอกคลี่ปลีออกจะมีสีเหลืองอ่อน หรือสีปนแดง ตามสายพันธุ์ ดอกที่อยู่โคนปลีจะเปลี่ยนเป็นสีขาว ไล่ไปปลายปลี แสดงว่า ดอกบาน และเมื่อตุ่มยอดเกสรตัวเมียเริ่มมีน้ำเหนียว ๆ แสดงว่าดอกนั้นพร้อมที่จะผสมเกสรตัวผู้จะบานภายหลังเกสรตัวเมีย ดังนั้นหน้าวัวส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีโอกาสผสมตัวเอง ยกเว้นบางสายพันธุ์ นอกจาก นี้เกสรตัวผู้ของหน้าวัวลูกผสมส่วนใหญ่ จะมีเกสรตัวผู้ฟุ้งเมื่ออุณหภูมิเย็น โดยมากมักจะผสมในช่วงฤดูหนาว 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Statice

ตารางธาตุสุดน่ารักนี้ จะทำให้คนเกลียดวิทยาศาสตร์เข้าใจธาตุต่างๆ มากขึ้น

คำว่า “ตรงต่อเวลา” ของประเทศเหล่านี้ไม่เหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันตรงไหน